Tuesday, June 30, 2009

ข้าวอบฟักทอง


เมนูข้าวนี้ขอบอกว่าประโยชน์มากหลายจริงๆอุดมด้วยวิตามินเอและเบต้าแคโรทีน คุณพ่อคุณแม่ที่กำลังคิดหาเมนูอาหารใหม่ๆสำหรับคุณหนูๆที่กำลังเบื่ออาหารคงต้องลองนำเมนูนี้ไปลองทำแล้วล่ะ รับรองว่ากลิ่นฟักทองหอมๆที่อบอวลแทรกซึมอยู่ในเมล็ดข้าวนุ่มๆนี้จะต้องทำให้เจ้าตัวเล็กของคุณติดอกติดใจจนวางช้อนไม่ลงเชียวล่ะค่ะ
ส่วนผสม
ฟักทองผลเล็ก 1 ผล
กุ้งสด 4 ตัว
ข้าวสวย 2 ถ้วยตวง
เมล็ดถั่วลันเตา 1/4 ถ้วยตวง
แครอทหั่นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็ก 1/4 ถ้วยตวง
หอมใหญ่หั่นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็ก 1/4 ถ้วยตวง
ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
น้ำมันพืชหรือเนยสด 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
1. เจาะผลฟักทองเป็นช่อง คว้านเอาเมล็ดออก ล้างข้างในให้สะอาด
2. นำผลฟักทองไปนึ่งประมาณ 5นาทีให้สุกเล็กน้อย นำขึ้น คว่ำผลฟักทองให้น้ำภายในออกให้หมด
3. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชหรือเนยสด พอร้อนใส่หอมใหญ่ผัดให้นุ่ม ใส่กุ้งสด เมล็ดถั่วลันเตา ผัดพอสุกใส่ข้าวสวย ปรุงรสด้วยซอสปรุงรสและน้ำตาลทรายผัดให้เข้ากัน
4. ตักข้าวใส่ผลฟักทอง นำผลฟักทองไปนึ่งต่อประมาณ 15 นาที จนผลฟักทองสุกทั่ว ยกลงพร้อมเสิร์ฟ
ขอบคุณโหระพาดอทคอมสำหรับภาพประกอบ

Monday, June 29, 2009

สลัดสารพัดสี 1 ขวบ++


เตรียมไว้ก่อน
ผักลวก
ฟักทอง แครอท มันฝรั่ง หัวไชเท้า ปอกเปลือก และหั่นเต๋า ลวกแล้วพักไว้
ผักสดและอื่นๆ
ผักกาดแก้ว
ผักกาดหอม
มะเขือเทศสีดา
กะหล่ำปลีม่วงซอย
ลูกบีทรูทหั่นเต๋า
และผลไม้อื่นๆ ตามชอบ
กุ้งลวกสุก
ปู หรือปูอัดลวก
น้ำสลัดชนิดที่เด็กๆ ชอบ
วิธีทำ
จัดทั้งผักลวกและผักสดใส่จาน โรยหน้าด้วยกุ้ง ปูหรือปูอัดลวก เสิร์ฟพร้อมน้ำสลัด

เด็กๆ ก็ช่วยได้
เด็กๆ มาโชว์ฝีมือการจัดวางผักสลัดอย่างมีระดับกันหน่อยเร็ว!
เคล็ดลับอย่างหนึ่งสำหรับการปรุงอาหารประเภทผักก็คือ ควรหั่นผักตอนที่ใกล้จะลงมือทำอาหารมากที่สุด และไม่ควรหั่นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยจนเกินไปเพราะอาจทำให้สูญเสียคุณค่า และวิตามินโดยเปล่าประโยชน์ได้ แถมยังดูไม่น่ากินด้วย

Sunday, June 28, 2009

Crispy Onion Soup (1 ขวบ++)


ซุปน้ำใส ใส่ขนมปังกรอบ
เวลาเตรียม 5 นาที
เวลาปรุง 15 นาที
เตรียม Crispy กันก่อน
ขนมปังปอนด์หั่นเต๋า 2 ถ้วย
เนยละลาย 1 ถ้วย
กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันดอกทานตะวัน 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือ พริกไทย ใบไทม์เล็กน้อย
วิธีทำ
1. คลุกขนมปังกับกระเทียมสับ เกลือ พริกไทย และใบไทม์ เมื่อเข้ากันดีแล้ว จึงใส่เนยที่ละลายไว้ กับน้ำมันดอกทานตะวัน คลุกเคล้าให้เข้ากันอีกครั้ง
2. ตั้งเตาอบด้วยอุณหภูมิ 150 องศสาเซลเซียสจนเตาร้อน แล้วนำขนมปังเข้าเตา อบต่ออีก 5 นาที จะได้ขนมปังกรอบอร่อยไว้หม่ำกัน
Tip: สำหรับคุณแม่บ้านไหนที่ใช้ไมโครเวฟ ให้อบขนมปังที่อุณหภูมิ 175 องศาเซลเซียส
นาน 2-3 นาที พอขนมปังเริ่มมีสีเหลืองอ่อน ให้รีบนำออกจากเตาทันที เท่านี้ก็จะได้ขนมปังเหลืองสวย และกรอบกำลังดีแล้วค่ะ
ซุปหอมหัวใหญ่ใส่ความรัก...
หอมหัวใหญ่ขนาดกลาง หั่นชิ้นใหญ่ 5 - 6 หัว
น้ำซุป 5 ถ้วย (เตรียมน้ำซุปง่ายๆ เพียง ต้มซี่โครงไก่ กับน้ำด้วยไฟอ่อน เคี่ยวไปเรื่อยๆ แล้วกรองเอาแต่น้ำใสๆ เก็บไว้ใช้ได้ตั้งหลายอย่าง)
เกลือพริกไทย ใบกระวานเพิ่มกลิ่นหอมเล็กน้อย
วิธีทำ
ตั้งหม้อน้ำซุปใช้ไฟกลาง รอจนเดือด ใส่หอมหัวใหญ่ต้มจนหอมสุก ใส่ใบกระวาน แล้วปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย เคี่ยวต่อไปจนหอมหัวใหญ่เปื่อย ค่อยยกลงเสิร์ฟพร้อมกับขนมปัง
กรุบกรอบของเรา
เด็กๆ ก็ช่วยได้
ล้างหอมหัวใหญ่และส่งเครื่องปรุงให้หม่ามี้ เลยจ้าเด็กๆ
หอมหัวใหญ่ พืชในตระกูลเดียวกับกระเทียม มีสรรพคุณช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ป้องกันการแข็งตัวของเลือด และช่วยบรรเทาอาการหวัดคัดจมูกได้ดี

Saturday, June 27, 2009

น้ำพริกคุณหนู (วัยอนุบาล)


ส่วนผสม
กระเทียมแกะเปลือก 5-6 กลีบ
กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนชา
กุ้งแห้งป่น 1 ช้อนโต๊ะ
มะนาว 1 ลูก
ส้มเขียวหวานคั้น 1 ผล

วิธีทำ
1. ตำกระเทียมพอแหลก แล้วใส่กะปิลงไปตำให้เข้ากัน (ควรนำกะปิห่อใบตองแล้วนำไปย่างไฟเพื่อให้สุกเสียก่อน)
2. ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ มะนาวและน้ำส้มคั้น ชิมรสตามชอบแล้วจึงใส่กุ้งแห้งป่น คนให้เข้ากันอีกที
3. เสิร์ฟใส่ถ้วยใบเล็กน่ารัก กินกับผักที่คุณหนูชื่นชอบ เช่น แตงกวา ผักบุ้ง ผักกาดขาว (ถ้าลูกกินผักสดบางชนิดไม่เก่งอาจนำผักไปลวกก่อนก็ได้)

หมายเหตุ
พริกในรูป ตกแต่งให้สวยงาม แต่อย่าเผลอให้ลูกรักกินเชียวนะคะ

น้ำพริกเป็นอีกเมนูคู่คนไทยที่ครบคุณค่ามีทั้งโปรตีน วิตามิน แร่ธาตุต่างๆและผัก เคล็ดลับในการกินน้ำพริกให้อร่อยก็คือ ต้องมีเครื่องเคียงและผักสด เช่นน้ำพริกเผากินกับไข่ต้ม น้ำพริกตาแดงกินกับไข่เค็ม น้ำพริก(กะปิ)คุณหนูก็ต้องคู่กับปลาทู ส่วนวิธีที่ช่วยให้ลูกกินผักได้ กินอร่อย ต้องเริ่มต้นที่พ่อแม่เห็นคุณค่าและกินผักอย่างเอร็ดอร่อยเป็นตัวอย่าง และควรมีผักในมื้ออาหารของครอบครัวเป็นประจำ
ขอบคุณภาพจากโหระพาดอทคอม

ปลาซาบะต้มซีอิ๊วญี่ปุ่น ( +6 เดือนขึ้นไป)


ส่วนผสม
ปลาซาบะขนาดกลาง 1 ตัว
ขิง 4-5 แว่น
ซีอิ๊วคิคูแมน (ซีอิ๊วญี่ปุ่น) (ถ้าไม่มีใช้น้ำตาลปี๊บแทน) 1 ถ้วยตวง
น้ำส้มสายชู 1 ช้อนชา

วิธีทำ
1. หั่นปลาซาบะตามขวางเป็นแว่น อย่าหนามากนัก
2. เอาขิงวางเรียงลงในหม้อ เอาปลาวางทับ เทซอสคิคูแมน (หรือแทนด้วยน้ำตาลปี๊บ 1-2 ช้อนชาลงไปแทน แล้วแต่ชอบหวานแค่ไหน) และใส่น้ำส้มสายชูลงไป
3. เติมน้ำให้ท่วมเนื้อปลา แล้วนำไปต้มด้วยไฟกลาง เมื่อเดือดแล้วลาไฟ เคี่ยวต่อให้น้ำงวดลง

เราคุ้นเคยกับการกินปลาซาบะย่างมากกว่าการปรุงด้วยวิธีอื่น แต่รู้หรือไม่ว่า น้ำมันจากปลาที่มีประโยชน์ เช่น สารโอเมก้า 3 ซึ่งช่วยบำรุงสมอง แก้ภูมิแพ้ และทำให้เด็กมีภูมิต้านทานต่อการติดเชื้อ จะสูญเสียไปกับการย่าง ดังนั้นคุณแม่ควรเปลี่ยนวิธีปรุงปลามาเป็นการต้มหรือนึ่งจะดีกว่า...ต้มยำปลาซาบะ (ไม่ใส่พริก) นั้นอร่อยนัก เครื่องต้มยำก็ช่วยดับคาวปลาได้ ส่วนปลาซะบะนึ่ง ใช้ขิงเป็นตัวช่วยดับคาวได้ค่ะ
ขอขอบคุณภาพจากโหระพาดอทคอม ครับ

Friday, June 26, 2009

อาหารเสริมสำหรับทารกในขวบแรก

อายุ 1 เดือน ให้น้ำส้มคั้น 1 ช้อนชา ผสมน้ำสุก 1 ช้อนโต๊ะ ถ้าเปรี้ยวเติมน้ำเชื่อมก่อนกินนมมื้อแรก ต่อไปค่อยๆเพิ่มจำนวนมากขึ้น จนได้ประมาณวันละ 1/2 - 1 ผล

อายุ 2 เดือน น้ำข้าว เริ่ม 1 ช้อนโต๊ะ จนถึง 1/2 ถ้วย

อายุ 3 เดือน
- เปลี่ยนจากน้ำข้าว เป็นข้าวบด เริ่ม 1-2 ช้อนชา แล้วเพิ่มเป็น 1-2 ช้อนโต๊ะ
- ไข่แดง ไข่ลวก 1 ช้อนชา ผสมในข้าวหลังจากกินข้าวได้
- เมื่อรับประทานข้าวได้ดี ให้ผักต้ม น้ำต้มกระดูกไก่ น้ำต้มตับ
- ต่อมาให้หัดกิน น้ำต้มผัก เช่นผักบุ้ง ตำลึง ใบผักกาดขาว ถั่วแขก ถั่วฝักยาว (ผักที่ไม่มีกลิ่นแรงและรสขม หรือผักที่มีในพื้นบ้านที่กลิ่นไม่แรงรสไม่ขมเป็นใช้ได้)

อายุ 4 เดือน เริ่มให้กล้วยน้ำว้าสุกครูด

อายุ 5 เดือน ไข่แดงต้มแข็ง 1/4 ฟอง ค่อยเพิ่มให้เต็มฟองผสมกับข้าวบดและผักต้มเละๆบด

อายุ 6 เดือน ให้อาหารผสมแทนน้ำนมได้ 1 มื้อ

อายุ 7 เดือน
- อาหารเนื้อต่างๆบดละเอียด ให้ลองกินไข่ขาวและไข่แดงพร้อมกัน ถ้าแพ้ต้องเลื่อนไป 1 ขวบ
- อาหารกรอบ เช่นขนมปังปิ้งกรอบๆ ข้าวตั้งทอดกรอบๆบางๆ มันทอดกรอบ ข้าวเกรียบถั่ว กุ้งทอดกรอบ เป็นต้น

อายุ 8 เดือน
- เริ่มให้อาหารแทนน้ำนม 1 มื้อโดยให้แต่น้อย
- เริ่มให้ของหวาน เช่น แป้งกวนกับน้ำตาลใส่นม สาคูเปียก ข้าวยาคู

อายุ 9 เดือน เปลี่ยนนมแม่เป็นนมผงหรือนมกระป๋องชนิด Whole Milk สำหรับเด็ก

อายุ 10 เดือน ให้อาหารผสมกับน้ำนมอีก 1 มื้อ

Thursday, June 25, 2009

อาหารเสริมประเภทต่างๆสำหรับเด็ก

ข้าว แป้ง
อาหารเสิรมชนิดแรกของเด็ก คือ แป้ง อาหารประเภทแป้งเป็นอาหารที่นุ่ม ไม่เป็นกาการะคาย สามารถเตรียมได้ให้มีลักษณะคล้ายนม ความข้น ความเหลวควรจะให้เหมาะกับวัยของเด็ก อาหารแป้งที่ให้เด็กจะใช้ข้าว แป้งข้าวเจ้า แป้งท้าวยายม่อม แป้งสาลี สาคูเม็ดเล็ก

ผัก
เด็กควรจะได้เริ่มหัดกินผักเมื่ออายุ 3 เดือน คือพร้อมๆกับเนื้อ โดยต้มให้เปื่อย บดหรือยี ควรให้วันละ 1 ครั้งก่อน ผักแต่ละอย่างที่ให้เด็กควรจะให้ซ้ำกัน 4-5 วันจึงเปลี่ยนเป็นผักชนิดใหม่ เพื่อให้เด็กชินกับการกินผักชนิดนั้นก่อน เพื่อให้เด็กกินผักเป็นทุกชนิดเพราะผักแต่ละอย่างมีความมากน้อยในวิตามิน เกลือแร่ โปรตีนและคาร์โบไฮเดรตต่างกัน

เมื่อเด็กกินผักแล้วเกิดอาการผิดปกติ เช่นเป็นผื่น บวมแดงบริเวณก้น ท้องเสีย อาการเช่นนี้จะเกิดทันทีหลังจากกินผักนั้นๆ เมื่อเป็นเช่นนี้ ควรจะหยุดป้อนผักชนิดนั้นก่อน ค่อยเริ่มใหม่ในเดือนต่อไป หรือทิ้งระยะสัก 2 เดือนจึงเริ่มใหม่

การทำผักให้เด็กอายุ 3 เดือน ผักที่ให้ควรต้องต้มให้เปื่อย บดหรือยีให้ละเอียด เลือกผักที่กากน้อย เช่นใบผักโขม มันเทศ ใบผักบุ้ง ใบตำลึง ฟักทอง มันฝรั่ง วิธีทำอาหารผักให้เด็กเล็กๆง่าย ก่อนอื่นต้องเลือกผักที่สด ใหม่ ไม่แก่ ล้างให้สะอาด แล้วต้มใช้หม้อเล็กๆปิดฝาต้ม เคี่ยวให้ผักเปื่อยเป็นใช้ได้ ไม่ควรใส่น้ำมาก และควรจะใช้น้ำต้มผักนั้นด้วย เพราะเกลือแร่และวิตามินจะอยู่ในน้ำต้มผักนั้นด้วย เติมเกลือเพียงเล็กน้อยลงในผักที่ต้ม

กะหล่ำดอก กะหล่ำปลี เพื่อความแน่ใจว่าเด็กจะไม่ท้องอืด เพราะผักประเภทนี้เมื่อกินแล้วจะทำให้เกิดแก๊ซได้ อาจทำให้เด็กท้องอืด เสียดท้องได้ ผักประเภทนี้ ควรจะให้เมื่อเด็กอายุ 9 เดือนหรือ 1 ขวบขึ้นไป ผักประเภทหัวและราก เช่น ไชเท้า แครอท หอมหัวใหญ่ บวบ ถั่วงอกและผักอื่นๆควรจะเริ่มให้เด็กเมื่ออายุ 3-4 ขวบขึ้นไป เด็กเมื่อโตขึ้นย่อมมีความรู้สึกเรื่องรสและกลิ่นดีขึ้นเป็นลำดับ นอกจากเด็กจะมีความรู้สึกเรื่องรสแล้ว ยังมีความรู้ในเรื่องกลิ่น ฉะนั้นในการเลือกผักทำอาหารให้เด็กต้องดูวัยของเด็ก เปลี่ยนแปลงวิธีการหุงต้มผักตามวัยของเด็ก เช่น จากผักบดเป็นต้มเปื่อย เป็นอบ เป็นผัด และให้เด็กได้หัดกินผักสดบ้างเมื่ออายุ 3 ขวบขึ้นไป เริ่มทดลองให้กินผักที่มีรสหวาน เช่น แตงกวา มะเขือเทศ

ครั้งแรกเมื่อให้ผักแก่เด็ก ควรเริ่มจากผักใบเขียว เช่น ใบตำลึง ใบผักบุ้ง ผักโขม โดยเริ่มตั้งแต่ 1 ช้อนชา แล้วจึงค่อยๆเพิ่มขึ้นเป็น 2 ช้อนโต๊ะ และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนถึง 1/4 ถ้วย การให้อาหารประเภทผักควรจะเริ่มให้ในมื้อบ่ายหรือเที่ยงก่อน โดยผสมกับข้าวและเนื้อสัตว์ต่างๆ ต่อมาจึงเพิ่มให้มื้อเย็นอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง เมื่อเด็กกินอาหารทั้ง 3 มื้อ มือ้เช้าควรจะเป็นน้ำผลไม้ ผลไม้สด มื้อกลางวันและมื้อเย็นควรจะให้ทั้งผักใบเขียวและผักสีเหลือง

ผักที่ใช้ทำอาหารให้เด็กควรเลือกผักที่สดและใหม่ และควรเป็นผักที่หาได้ในท้องถิ่น ล้างผักให้สะอาดโดยใช้น้ำมากๆ ล้างหลายๆครั้งก่อนที่จะทำเป็นอาหารให้เด็ก

เนื้อสัตว์
เนื้อแลไก่ควรจะเริ่มให้เมื่อเด็กอายุ 3 เดือน เนื้อและไก่เป็นอาหารที่ให้สารอาหารโปรตีน โปรตีนเป็นสารอาหารที่ทำให้ร่างกายเจริญเติบโต แข็งแรง ฉลาด เนื้อและไก่ที่ให้เด็กควรเลือกส่วนที่ไม่มีไขมัน ถ้าเป็นไก่ควรจะเอาหนังออก เริ่มแรกในการให้อาหารประเภทนี้แก่เด็ก ควรจะใช้วิธีต้ม อบ ตุ๋น แล้วจึงบดหรือสับให้ละเอียด การเริ่มให้อาหารประเภทเนื้อ ควรให้ตอนมื้อเที่ยงโดยเริ่มจาก 2-3 ช้อนชาก่อน โดยผสมกับข้าวบดผักบด

การทำอาหารประเทภเนื้อ สำหรับเด็กเล็กไม่ควรใช้เครื่องเทศ ผงชูรส หรือสารเคมีต่างๆที่ช่วยในการเปื่อย ให้เปื่อยโดยวิธีต้มเคี่ยว แล้วจึงบดหรือสับให้ละเอียด ในการทำแต่ละครั้ง ไม่ควรทำไว้มากเกินที่ป้อนใน 1 วันหรืออย่างมากได้เพียง 2 วัน เมื่อเหลือเก็บส่วนที่เหลือในกล่องปิดฝาให้แน่นใส่ตู้เย็น เมื่อจะใช้จึงอุ่น

การเลือกเนื้อไก่ควรเลือกไก่อ่อน ไก่อ่อนจะมีสีขาวเนื้อจะนุ่ม ถ้าไก่แก่เนื้อจะหยาบ เนื้อควรเลือกเนื้อสันในหรือเนื้อส่วนตะโพก หมูก็ควรใช้หมูที่ไม่ติดมันเลือกใช้แต่หมูเนื้อแดง

ตับ
ตับเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ให้ทั้งอาหาร โปรตีนและธาตุเหล็ก นอกจากนี้ยังให้วิตามินเอ ไรโบเฟลวิน และไนอาซีน ตับที่ใช้ทำอาหารให้เด็กควรจะใช้ตับไก่ ตับหมู เลือกตับที่ไม่ขม ควรทำตับให้เด็ก ทำเช่นเดียวกับเนื้อสัตว์อื่นๆและให้เมื่อเด็กอายุ 3-4 เดือน เช่นเดียวกับเนื้อ

ไข่
เด็กอายุประมาณ 3-4 เดือน ควรจะเริ่มให้ไข่แดงลวกยางมะตูม โดยเริ่ม 1 ช้อนชาก่อนแล้วจึงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนถึง 1 ฟองไข่แดง ส่วนใหญ่จะเริ่มให้ไข่ทั้งฟองเมื่อเด็กอายุ 10 เดือนขึ้นไป โดยให้ไข่ต้มยางมะตูมยีผสมกับข้าวต้มเปื่อย ถ้าเด็กกินแล้วไม่เกิดอาการผื่นคัน อาเจียน ก็ควรจะให้ต่อไปอย่างน้อยเด็กอายุระหว่าง 10 เดือน ถึง 2 ขวบ ควรจะให้กินไข่อาทิตย์ละ 5 ฟอง

ปลา
ควรให้เด็กกินปลาเมื่ออายุ 10 เดือน ตามปกติเด็กจะชอบปลา เพราะเนื้อปลาส่วนใหญ่จะนุ่ม รสหวาน ไม่ต้องเคี้ยวมาก ปลาให้สารอาหารประเภทโปรตีนและให้ธาตุฟอสฟอรัส แคลเซียม ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่ทำให้ฟันและกระดูกแข็งแรงเจริญเติบโต เพราะแร่ธาตุทั้งสองชนิดนี้จะทำงานร่วมกัน หน้าที่สำคัญที่สุดก็คือเป็นส่วนประกอบของกระดูกและฟัน ในวัยเด็กเป็นวัยที่ต้องการแร่ธาตุนี้มากที่สุด ปลาที่ใช้ทำอาหารให้เด็กควรเลือกปลาที่มีเนื้อมาก ไม่มีไขมัน สด ใหม่ เช่น ปลานิล ปลาสำลี ปลาตาเดียว ปลากะพง เป็นต้น การทำอาหารปลาสำหรับเด็ก ใช้วิธี นึ่ง อบ ต้ม ย่างหรือทอดก็ได้ แต่ต้องเอาก้างออกให้หมดโดยใช้นิ้วมือบี้ การใช้มือบี้จะช่วยให้ปลอดภัยและแน่ใจว่าไม่มีก้างติด

ผลไม้สด
เด็กอายุ 3 เดือน ควรจะเริ่มให้กินกล้วยสุกครูดเอาแต่เนื้อกล้วยแล้วจึงบด เริ่ม 1 ช้อนชา แล้วจึงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ควรจะให้ในช่วง 10 โมง หรือบ่าย นอกจากกล้วยผลไม้สุกอื่นๆเช่นมะละกอสุก ฝรั่งสุก มะม่วงสุก ถ้าต้มเปื่อยหรือตุ๋นแล้วบดหรือยีให้เด็กก็ได้ เปลี่ยนจากกล้วยเป็นมะละกอตุ๋น ฝรั่งสุกตุ๋น แล้วบด

เด็กอายุ 8 เดือน ควรจะได้เริ่มกินผลไม้สด เลือกผลไม้ที่มีรสหวาน หัดให้เด็กหยิบใส่ปากเอง ใช้ผลไม้สุกหั่นเป็นชิ้นเล็กๆพอคำ ผลไม้ที่ใช้ได้ เช่น มะละกอสุก ฝรั่งสุก แตงไทย องุ่น ลอกเปลือกออกเอาเมล็ดออกไม่ต้องกังวลว่าเด็กจะทำเลอะเทอะ เมื่อป้อนเสร็จจึงค่อยทำความสะอาด

น้ำผลไม้
น้ำผลไม้จะให้เมื่อเด็กอายุ 4 เดือน ควรจะให้น้ำผลไม้ที่คั้นจากผลไม้สด ถ้าจะใช้น้ำผลไม้กระป๋องหรือขวด จะต้องเลือกชนิดที่เป็นของเด็ก ซึ่งจะมีสลากบอกข้างขวดหรือกระป๋องว่าใช้สำหรับเด็กได้ เราต้องการให้เด็กได้วิตามินซี จึงให้น้ำผลไม้แก่เด็ก น้ำผลไม้ที่ให้เด็กอายุ 4 เดือน ควรจะใส่ขวดให้ดูด ให้ 1 ออนซ์แล้วจึงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนถึง 3-4 ออนซ์ น้ำส้มคั้นใช้ส้มเกลี้ยง ส้มเขียวหวาน ส้มเช้ง ล้างเปลือกเช็ดให้แห้งแล้วจึงผ่า มือและเล็บผู้คั้นควรจะสะอาด เมื่อให้ครั้งแรกควรจะให้ครึ่งผลก่อน ครั้งแล้วกรองผสมน้ำสุก ใช้น้ำส้ม 2 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 2 ช้อนโต๊ะ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเด็กอายุ 5 เดือนเพิ่มเป็น 3-4 ออนซ์ โดยไม่ต้องผสมน้ำและกรอง

เมื่อเด็กอายุ 5 เดือนขึ้นไป ควรจะเริ่มหัดให้เด็กได้ดื่มน้ำผลไม้จากแก้ว เด็กต้องการวิตามินซีวันละ 4 มิลลิกรัม แต่ต้องการทุกๆวัน น้ำส้ม 3 ออนซ์ ให้วิตามินซีถึง 50 มิลลิกรัม

เครื่องดื่ม
เมื่อเด็กอายุ 1 ขวบ เขาควรจะได้ดื่มเครื่องดื่มเป็นของว่างแทนน้ำผลไม้ หรือนมบ้างในบางมื้อ เป็นการฝึกนิสัยในการกินที่ดีให้กับเด็ก เด็กจะได้เป็นคนไม่เลือกอาหาร เครื่องดื่มที่เราควรจะให้เด็กเราต้องคำนึงถึงสารอาหารที่เด็กจะได้รับ เพราะเมื่อเด็กดื่มแล้วอาจจะอิ่ม ทำให้กินอาหารได้น้อยลง เครื่องดื่มสำหรับเด็กจึงควรให้สารอาหารโปรตีนด้วย เลือกเครื่องดื่มที่มีส่วนประกอบของนมหรือผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมอยู่ในส่วนผสมของเครื่องดื่มนั้นๆ และควรทำเองดีกว่าที่จะซื้อชนิดบรรจุกระป๋องหรือขวด เพราะอาจจะหวานมากไปสำหรับเด็กและเครื่องดื่มบรรจุกระป๋องหรือขวดมักใส่ยากันบูดไม่เหมาะให้เด็กดื่ม ส่วนผสมของเครื่องดื่มควรเลือกผลไม้สดใหม่ และมีในฤดูกาล ไม่หวานจัด เช่นผลไม้ปั่น กล้วยผสมนม น้ำส้มกับไอศกรีม

อาหารบริหารฟัน
เด็กเมื่อฟันขึ้น ควรให้ขนมประเภทที่ออกแรงขบเคี้ยวให้เด็กถือหรือป้อนเอง แต่ขนมควรจะเป็นชนิดที่ละลายได้ในปาก เคี้ยวขาดง่ายสำหรับวัยของเขา เช่น บิสกิต ขนมปังแท่ง คุกกี้ ขนมผิง ทองม้วน ครั้งแรกบิเป็นชิ้นเล็กๆวางไว้ในจานให้เขาหยิบเอง แล้วจึงให้เป็นชิ้นเมื่อเขาชินและเข้าใจถึงวิธีการป้อนขนมด้วยตนเอง เมื่อเริ่มให้ถ้าให้ชิ้นใหญ่เดี๋ยวเด็กอาจจะใส่ปากทั้งอันอาจสำลักแล้วเข็ดไม่กล้ากินอีกต่อไป

เด็กอายุ 1 ขวบขึ้นไป ควรจะได้เปลี่ยนนมเป็นนมแบบผู้ใหญ่ดื่ม และควรจะได้กินอาหาร 3 มื้อ นมเป็นเพียงอาหารเสริมระหว่างมื้อ เมื่อเด็กอายุครบ 1 ขวบ ต้องพยายามให้เด็กกินอาหาร 3 มื้อให้ได้ เพื่อที่จะให้เด็กได้สารอาหารเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย เปลี่ยนลักษณะของอาหารให้เหมาะกับความเจริญเติบโตของเด็ก

Wednesday, June 24, 2009

น้ำตำลึง



ไม่น่าเชื่อใช่ไหม ว่าตำลึงก็นำมาเป็นเครื่องดื่มได้ อร่อยด้วย มีประโยชน์ หาง่าย ส่วนใหญ่ขึ้นตามรั้ว ไม่มียาฆ่าแมลง
ส่วนผสม
• ใบตำลึง 20 กรัม (หั่น 10 ช้อนคาว)
• น้ำเชื่อม 30 กรัม (2 ช้อนคาว)
(ใช้สารให้ความหวานหรือน้ำตาลเทียมแทนได้)
• น้ำมะนาว 10 กรัม (2 ช้อนชา)
• เกลือป่น เสริมไอโอดีน 1 กรัม (1/5 ช้อนชา)
• น้ำเปล่าสะอาด 200 กรัม (14 ช้อนคาว ประมาณ 1 แก้ว)

วิธีทำ
ล้างใบตำลึงให้สะอาด ใส่เครื่องปั่น เติมน้ำเปล่าครึ่งหนึ่ง ปั่นให้ละเอียด (ถ้าไม่มีเครื่องปั่น ก็ใช้ครกตำให้ละเอียดก็ได้ แต่ต้องล้างครกและสากให้สะอาดไม่มีกลิ่นก่อน) แล้วนำไปกรอง ใส่น้ำที่เหลือลงกากที่เหลือ คั้นต่อเอาแต่น้ำ นำน้ำที่ได้ไปใส่เกลือ น้ำมะนาว น้ำเชื่อม ชิมรสตามชอบ ถ้าต้องการเติมน้ำแข็ง เวลาทำให้ลดน้ำเปล่าลงครึ่งหนึ่ง เพื่อให้เข้มข้น เวลาใส่น้ำแข็งจะได้ไม่จืด ควรรีบดื่มเพื่อให้ได้คุณค่า
ประโยชน์ที่ได้รับ
คุณค่าทางอาหาร มีวิตามิน เอ สูง ช่วยบำรุงสายตา มีแคลเซี่ยม ฟอสฟอรัส บำรุงกระดูก และวิตามินซี ช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน
คุณค่าทางยา
• นำใบมาตำให้ละเอียด พอกแก้อาการแพ้ แมลงกัดต่อย
• นำมารับประทานช่วยป้องกันโรโลหิตจาง โรคมะเร็ง และหัวใจขาดเลือด

น้ำมะเฟือง



โบราณว่า ถ้าไม่ได้ทานมะเฟือง แค่ไปลอดต้นมะเฟือง ก็ไม่เป็นนิ่วแล้ว เพรามะเฟืองทำให้ปัสสาวะสะดวก ขับปัสสาวะ ทำให้โอกาสการเป็นนิ้วลดลง มะเฟือง ผลไม้ที่ผ่าแล้วมีรูปร่าง 5 แฉก แบบดวงดาว อร่อยชื่นใจ
ส่วนผสม
• มะเฟืองหั่น 40 กรัม (4 ช้อนคาว)
• น้ำเชื่อม 30 กรัม (2 ช้อนคาว)
• เกลือป่น เสริมไอโอดี 1 กรัม (1/5 ช้อนชา)
• น้ำเปล่าสะอาด 200 กรัม (14 ช้อนคาว)


วิธีทำ
ล้างมะเฟืองที่แก่จัด ให้สะอาด หั่น แกะเมล็ดออก แล้วนำใส่เครื่องปั่น เติมน้ำเปล่าสะอาด แล้วปั่นให้ละเอียด จะได้น้ำมะเฟือง สีเหลืองอมเขียวอ่อนๆ ติมน้ำเชื่อม เกลือ ชิมรสตามชอบ ดื่มแล้วชื่นใจ
เ ถ้าต้องการเก็บไว้ดื่มนานๆ ไว้ดื่ม ตั้งไฟให้เดือด 3-5 นาที (แต่วิตามินบางอย่าง เช่นวิตามินซี จะหายไป) แล้กรอกใส่ขวด นึ่ง 30-30 นาที นำออกมาทิ้งไว้ให้เย็น เย็นแล้วนำแช่ไว้ในตู้เย็นเก็บ
ประโยชน์ที่ได้รับ
คุณค่าทางอาหาร น้ำมะเฟืองมีกลิ่นหอม ประกอบด้วยคุณค่าของวิตามิน เอ ช่วยบำรุงสายตา และวิตามินซี ช่วยชลอความแก่ ป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน ป้องกันอนุมูลอิสระ (ต่อต้านสารก่อมะเร็ง) มีฟอสฟอรัส และแคลเซียมเล็กน้อย
คุณค่าทางยา ช่วยขับเสมหะ ป้องกันโลหิตจาง ขับปัสสาวะ ป้องกันเลือดออกตามไรฟัน

น้ำบล็อคโคลี่ ผักกาดขาว และเซอเลอรี่

หากคุณรู้สึกจะเป็นหวัดหรือภูมิคุ้มกันอ่อนลง ควรดื่มน้ำผักสีเขียวที่อุดมไปด้วยวิตามินซีและแคลเซียมถ้วยนี้
นับแต่เริ่มแรกอาการไม่สบาย

ส่วนผสม
ผักกาดขาว 100 กรัม
เซเลอรี่ 100 กรัม (เกลาส่วนแข็งๆ ของก้านออก)
บล็อคโคลี่ 150 กรัม

วิธีทำ
แกะผักกาดออกเป็นใบๆ หั่นเซเลอรี่เป็นท่อน คั้นเซเลอรี่ ผักกาดและบล็อคโคลี่รวมกัน เสิร์ฟพร้อมน้ำแข็ง หรือจะนำน้ำที่ได้ไปปั่นกับน้ำแข็ง ก็จะได้เครื่องดื่มรสเนียนนุ่มขึ้น

Monday, June 22, 2009

สมูทตี้แตงกวา เลมอนและสะระแหน่



เครื่องดื่มรสอ่อนๆ ที่ให้ความสดชื่นแก้วนี้ดีอย่างยิ่งต่อสุขภาพไต เพราะช่วยกระตุ้นการขจัดสารพิษ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญหากคุณกำลังลดน้ำหนักโดยการรับประทานอาหารโปรตีนสูง

เครื่องปรุง

แตกกวา 250 กรัม (ปอกเปลือกล้างให้สะอาด)
เลมอน 1/2 ผล
ใบสะระแหน่ 3-4 ใบ
น้ำแข็งก้อน 2-3 ก้อน

วิธีทำ

หั่นแตกกวาเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า คั้นน้ำเลมอน นำส่วนผสมทั้ง 2 อย่างไปปั่นกับใบสะระแหน่และน้ำแข็งทำเป็นสมูทตีเย็นจัด ตกแต่ด้วยใบสะระแหน่ตามชอบ

ชาตะไคร้สะระแหน่


เครื่องปรุง
น้ำ 4 ถ้วย
ตะไคร้ซอยชนิดแห้ง 1 ช้อนโต๊ะ
ยอดสะระแหน่ 5 ยอด
ยอดสะระแหน่สำหรับตกแต่ง

วิธีทำ

1. ต้มน้ำในหม้อด้วยไฟกลางจนเดือดจัด ปิดไฟ ใส่ตะไคร้กับยอดสะระแหน่ แช่ทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที ยกลงกรองด้วยผ้าขาวบาง เทใส่เหยือก เตรียมไว้
2. รินใส่แก้ว ตกแต่งด้วยยอดสะระแหน่ เสิร์ฟ

สรรพคุณ : แก้ปวดกระดูก , ปวดหลัง , ปวดแข้งปวดขา , ป้องกันโรคกระดูกผุ , นั่งดูหนังสือแล้วตาลาย ลุกขึ้นแล้วหน้ามืด , ป้องกันโรคไต , เบาหวาน , คอเรสเตอรอล

ขอบคุณภาพประกอบจาก bkkmenu.com

Saturday, June 20, 2009

น้ำ lti-Vit C


เครื่องปรุง
เนื้อมะขามป้อม 1/2 ถ้วย
มะระจีนหั่นชิ้นแช่เย็น 1/4 ถ้วย
น้ำแข็งบดละเอียด 1 ถ้วย
น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
ใบสะระแหน่ 1/4 ถ้วย
น้ำเชื่อม 2 ช้อนโต๊ะ
เกลือสมุทร 1/2 ช้อนชา
วิธีทำ
- คั้นมะขามป้อมด้วยเครื่องแยกกากแยกน้ำ ใส่แก้ว พักไว้
- ปั่นส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกันให้ละเอียด
- รินใส่แก้ว ตกแต่งด้วยยอดสะระแหน่เสิร์ฟ

Friday, June 19, 2009

น้ำมะเขือเทศ - แอปเปิ้ล


ส่วนผสม
มะเขือเทศ 4-5 ผล
แอปเปิ้ล 1 ผล
เกลือนิดหน่อย
น้ำแข็ง
วิธีทำ
- คั้นแอปเปิ้ลเอาน้ำออกมาก่อน เทน้ำแอปเปิ้ลใส่ลงไปในเบลนเดอร์ ใส่มะเขือเทศลงไปปั่นแล้วกรองเอากากออก เติมเกลือลงไปนิดหน่อย เวลาเสิร์ฟเติมน้ำแข็งลงไปด้วย

หมายเหตุ : มะเขือเทศมีสารตัวหนึ่งชื่อไลโคปีน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทำให้ผิวสวย เหมาะสำหรับการดื่มในหน้าร้อนอย่างยิ่ง เพราะไลโคปีนจะเข้าไปปกป้องเราจากแสงอัลตร้าไวโอเล็ตที่แรงกล้าในหน้าร้อน ไลโคปีนยังสามารถใช้ต้านมะเร็งได้หลายชนิด เมนูนี้เมื่อทำให้หวานขึ้นเล็กน้อยด้วยแอปเปิ้ลจะกินง่ายขึ้น

Thursday, June 18, 2009

รวิยาคู


โอ้โฮ ชื่อเพราะจัง อะไรเอ่ย "รวิ" หมายถึงพระอาทิตย์ไงคะ มีแสงสีแดงสีเหลือง สลับกันสวยงามเวลาพระอาทิตย์ขึ้นหรือตก ดูแล้วสบายใจจริงๆ ส่วน "ยาคู" นั้น ตามคำศัพท์ที่แท้จริง คือขนมที่ทำจากข้าวอ่อน แต่เรามาดัดแปลงโดยใช้เกล็ดธัญพืช คลุกเคล้ากับน้ำผึ้งให้มีรสชาติ ไม่จืดชืด เมื่อรับประทานพร้อมเกล็ดแตงโมสีสวยหวาน เวลาทำก็แสน..ง่าย เวลารับประทานก็แสน...อร่อย เย็นชื่นใจ หายเหนื่อยหลังกลับจากทำงานดีนักแล เตรียมไว้ต้อนรับเพื่อนๆ ก็ยิ่งดีใหญ่ มีเคล็ดลับอยู่อย่างหนึ่ง ก่อนยกมาเสิร์ฟก็ประกาศชื่อเมนูเสียก่อน คนฟังก็จะตาโตรอคอยเลยล่ะ พอเห็นแล้วก็ต้องร้อง อู้ฮู้..กันเป็นแถว คุณก็มีหน้าที่แจกแจงวิธีการง่ายๆ ถ่ายทอดกันไป สนุกดีนะคะ
เครื่องปรุง
- แตงโมเนื้อแดง 1 ลูก
- แตงโมเนื้อเหลือง 1 ลูก
- เกล็ดธัญพืช 1 ถ้วยเล็ก
- น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

1. ผ่าแตงโมแบ่งครึ่ง ใช้ช้อนตักเนื้อแตงโมใส่กระชอน แล้วใช้สากบดเนื้อแตงโมให้น้ำไหลลงถ้วยที่รองอยู่ด้านล่าง ทำอย่างนี้ทั้งแตงโมแดงและเหลือง แยกสีน้ำแตงโมไว้
2. นำน้ำแตงโมที่คั้นไว้แล้วเข้าช่องแช่แข็ง ทิ้งไว้อย่างน้อย 6 ชั่วโมง หรือทั้งคืนก็ได้ เพื่อให้เป็นน้ำแข็ง
3. เทเกล็ดธัญพืชลงกระทะ ความร้อนที่ไฟอ่อน เทน้ำผึ้งลงไปคลุกเคล้าให้ทั่ว ตักขึ้นพักไว้ให้เย็น แล้วค่อยใช้ช้อนกดให้เกล็ดแตกกระจาย ไม่จับกันเป็นก้อน

Wednesday, June 17, 2009

ราสเบอร์รี่ฟรีซ..ราสเบอร์รี่ปั่น


ส่วนประกอบ
- น้ำต้มสุก1/2 ลิตร
- ราสเบอร์รี่กวน 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำเชื่อม 1/4 ถ้วย
- น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำแดง 1 ถ้วย

วิธีทำ
- นำราสเบอร์รี่ น้ำต้มสุก น้ำเชื่อม น้ำมะนาว น้ำแดง ปั่นจนส่วนผสมเข้ากัน
- เติมน้ำแข็งบด 4 ถ้วยตวง
- ปั่นต่อจนน้ำผลไม้และน้ำแข็งเข้ากันคล้ายหวานเย็น พร้อมเสิร์ฟ
ขอขอบคุณ ภาพจาก horapa.com ด้วยครับ

Tuesday, June 16, 2009

น้ำลองกอง


ส่วนผสม
เนื้อลองกอง 1 ถ้วย
น้ำสะอาด 1 1/2 ถ้วย
น้ำเชื่อม 1/2 ถ้วย
เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
วิธีทำ
แกะเนื้อลองกอง ใส่เครื่องปั่น เติมน้ำแล้ว ปั่นต่อ เสร็จแล้วเติมน้ำเชื่อม ใส่เกลือป่น ชิมรสตามใจชอบ จะได้น้ำลองกอง รสหวาน หอม เปรี้ยว เค็ม เล็กน้อย ดื่มแล้วรู้สึกสดชื่น

Monday, June 15, 2009

ชาลำใย


ส่วนผสม
ชาดำ 1 ช้อนโต๊ะ
ลำใยแห้ง 3 ถ้วยตวง
น้ำสะอาด 700 ซีซี
มะนาว 1 ลูก
วิธีทำ
- เอาน้ำใส่กาใส่ลำใยแห้งลงไป ตั้งไฟให้เดือด เคี่ยวนานประมาณ 10 นาที แล้วยกลงกรองเอาเนื้อลำใยออก
- เอาชาดำใส่ถุงแช่ไว้นาน 3 นาที แล้วยกถุงชาออก บีบมะนาวลงไป
หมายเหตุ : ขนาดชามะนาวก็ไม่ต้องใช้น้ำตาลทรายเลย ...ก๊อ...ไหนว่าลำใยถูกแล้วน้ำตาลแพง ก็ใช้ความหวานจากเนื้อลำใยมาต้มเอาน้ำหวานซิ ชามะนาวของคุณจะหอมหวานกว่าเดิม ถ้าสูตรที่ให้ยังไม่หวานถูกใจก็เพิ่มลำใยลงไปได้อีก เป็นการช่วยชาวสวนลำใยไปในตัว

Sunday, June 14, 2009

น้ำลูกพรุน


ส่วนผสม
ลูกพรุน 1 ถ้วยตวง
น้ำเปล่า 8 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย 3 ถ้วยตวง
เกลือ 1 ช้อนชา
วิธีทำ
- ลูกพรุนแกะเมล็ดออก ผสมน้ำนำไปต้มให้เปื่อย
- เอาเนื้อลูกพรุนยีให้ละเอียด กรองเอาแต่น้ำ
- ผสมเกลือ น้ำตาลทราย คนให้ละลาย ตั้งไฟให้เดือดอีกครั้ง
- เสิร์ฟเย็นคู่กับน้ำแข็งทุบ
หมายเหตุ : สรรพคุณ : เป็นยาระบายอ่อนๆ ช่วยในการระบาย

Saturday, June 13, 2009

ซอร์เบต์สละฉบับโฮมเมด



ซอร์เบต์ หรือ Sorbet เป็นไอศครีมผลไม้ชนิดหนึ่ง ที่หน้าตาละม้ายคล้ายเชอร์เบทราวกับฝาแฝด จนหลายคนเข้าใจว่าเป็นชนิดเดียวกัน แต่จริงๆ ต่างกันนิดเดียวตรงที่ซอร์เบต์ไม่มีส่วนผสมของนมแม้สักนิดและมีเนื้อหยาบและหนักกว่า ในขณะที่เชอร์เบทจะใส่นมเล็กน้อย
สำหรับวิธีทำซอร์เบต์นั้นอย่าได้กังวลว่า ต้องพึ่งพาแต่เครื่องทำไอศครีมให้ยุ่งยาก ขอแค่มีเครื่องปั่นน้ำผลไม้ทั่วๆ ไปก็พอ และซอร์เบต์ที่ได้ก็เนื้อปุกปุยและอร่อยน่ากินไม่แพ้กันเสียด้วยสิ

ซอร์เบต์สละ (6 ที่) เวลาเตรียม 30 นาที เวลาปรุง 1 วัน
ส่วนผสม

เนื้อสละ(ปอกเปลือกและเลาะเม็ดแล้ว) 1 1/2 ถ้วย
น้ำแอ๊ปเปิ้ล 2 ถ้วย
น้ำเชื่อม 1 ถ้วย
น้ำมะนาว 1/3 ถ้วย
ไวน์ขาว 1/2 ถ้วย
ผงเจลาติน 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
ผสมเนื้อสละ น้ำแอ๊ปเปิ้ล น้ำเชื่อม และผงเจลาตินใส่หม้อ คนให้เข้ากันพักไว้สักครู่ให้ผงเจลาตินดูดน้ำ จากนั้นยกหม้อขึ้นตั้งไฟคนให้ผงเจลาตินละลายหมด พักไว้ให้เย็น
เติมน้ำมะนาวและไวน์ขาว ชิมรสตามชอบ นำส่วนผสมไปแช่เย็นในช่องแช่แข็งนาน 3 ชั่วโมง เมื่อครบเวลาให้เทส่วนผสมใส่โถสำหรับปั่นน้ำผลไม้ ปั่นให้เป็นเกล็ดน้ำแข็งเล็กๆ แล้วนำกลับไปแช่เย็นอีกประมาณ 2 ชั่วโมง
นำส่วนผสมออกมาปั่นทุกๆ 2 ชั่วโมงอีก 2 รอบ เมื่อได้เนื้อเป็นเกล็ดละเอียดดีแล้ว ให้แช่ซอร์เบ้ไว้อีก 1 คืน ก่อนนำมาเสิร์ฟ

H&C Tips
สละที่ซื้อมาแต่ละครั้งรสชาติจะไม่เท่ากัน จึงต้องชิมรสให้ชอบก่อนนำไปแช่แข็ง และควรมีรสเข้มมากหน่อยเพราะเมื่อซอร์เบต์แข็งรสชาติจะอ่อนลงเล็กน้อย
การปั่นซอร์เบต์ที่แข็งแล้วจะทำให้เกล็ดน้ำแข็งมีขนาดเล็กลง ดังนั้น

Friday, June 12, 2009

น้ำมะนาวใบสะระแหน่ปั่น


ส่วนผสม
ใบสะระแหน่ 1/2 ถ้วย
น้ำเชื่อม 1/3 ถ้วย
น้ำมะนาว 1/4 ถ้วย
น้ำแข็ง 1 1/2 ถ้วย
เกลือเล็กน้อย
วิธีทำ
ปั่นน้ำมะนาว น้ำเชื่อมและน้ำแข็งรวมกันจนเกือบละเอียด แล้วใส่ใบสะระแหน่ เกลือปั่นรวมกันจนละเอียดอีกครั้ง

Thursday, June 11, 2009

ฝรั่งปั่นผสมน้ำส้ม


เครื่องปรุง - ฝรั่งสุกหั่นเอาแต่เนื้อ 1/2 ถ้วย
- น้ำส้มคั้นสด ๆ 1/2 ถ้วย
- น้ำตาล 2 ช้อนชา
- เกลือ 1/4 ช้อนชา

วิธีทำ
ปั่นฝรั่งให้ละเอียด ใส่น้ำตาล เกลือ ปั่นเข้าด้วยกัน ใส่น้ำส้มคั้นปั่นเข้าด้วยกัน เทออกใส่แก้วแช่เย็นในตู้เย็น ธรรมดาใช้เป็นอาหารว่างกินกับกล้วยปิ้ง

อาหารที่ช่วยแก้ท้องผูก
ผู้สูงอายุมักมีปัญหาเรื่องท้องผูกเป็นประจำ ต้องกินอาหารที่มีเส้นใย อาหารที่ช่วยระบายได้คือ ผักและ ผลไม้คุณยายคงมีปัญหาที่จะกินผักสด ผลไม้สดไม่สะดวก จึงเสนอแนะผลไม้ปั่นให้คุณยายดื่มเป็นอาหารว่างระหว่างมื้อ